-
ถามตอบกับวิศวกรชีวเภสัชศาสตร์ของ 3M Health Care เรื่อง การพัฒนาการรักษาทางการแพทย์ด้วยยาชีวภาพ
-
เมื่อได้ยินคำว่าเภสัชภัณฑ์ เราคงนึกถึงยาที่มีสูตรเคมีที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวดหรือยารักษาความดันโลหิตสูงที่มีให้เห็นในร้านยาทั่วไป. แม้ว่ายาที่มีส่วนประกอบทางเคมีจะยังมีอยู่มาก แต่ก็มีเภสัชภัณฑ์มากขึ้นที่ทำมาจากน้ำตาล โปรตีน หรือเซลล์ที่มีชีวิต
เราได้พูดคุยกับ Alexei Voloshin ผู้จัดการด้านวิศวกรรมการประยุกต์แผนก กลุ่มธุรกิจแผนกเทคโนโลยีการกรองตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรมของ 3เอ็ม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องยาชีวภาพ คุณ Voloshin อธิบายว่าเหตุใดกระบวนการผลิตจึงมีความสำคัญมาก (คำใบ้: เป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ล้วนๆ) และวิธีที่ 3เอ็ม ได้ช่วยบริษัทเภสัชกรรมให้สามารถผลิตยาที่สามารถช่วยชีวิตหรือเปลี่ยนชีวติให้กับผู้คนทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น
“ความล้ำหน้าในด้านชีวเภสัชศาสตร์กำลังช่วยรักษาอาการที่เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือเปลี่ยนชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด และเราเพิ่งกำลังเริ่มต้นเท่านั้น”
- Alexei Voloshinคำถาม: ยาชีวภาพแตกต่างจากยาสูตรเคมีแบบดั้งเดิมอย่างไร
-
Voloshin: การค้นหาและใช้สสารทางการแพทย์เพื่อพยายามรักษาอาการต่างๆ นั้นมีประวัติมายาวนาน [2]สารหนูยังเคยถูกนำมาใช้ในทางยาในอดีต[3]. เมื่อวิทยาการทางการแพทย์มีความก้าวหน้า ความคาดหวังในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเทคโนโลยีการรักษาที่นำมาใช้รักษาอาการทางการแพทย์ก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นธรรมดา. การรักษาแบบดั้งเดิมในปัจจุบันอย่างเช่นยา acetaminophen และ ibuprofen ก็เป็นตัวอย่างของสารเคมีที่ใช้เพื่อรักษาอาการที่เรียบง่ายอย่างการปวดกล้ามเนื้อ. ยาเหล่านี้ไม่สามารถเจาะจงส่วนของร่างกายที่จะมีผลได้ โดย ibuprofen สามารถส่งผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและเนื้อเยื่ออื่นๆ ด้วยเช่นกัน. เคมีบำบัดซึ่งเป็นการรักษาแบบดั้งเดิมอีกอย่างหนึ่งก็สามารถฆ่ามะเร็งได้ แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายส่วนที่เหลือได้. นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิ่งที่คาดหวังได้จากยาที่ได้มาจากกรรมวิธีทางเคมีแบบดั้งเดิม.
เทคโนโลยีชีวเภสัชศาสตร์ทำให้การรักษาทางการแพทย์มีฤทธิ์ ความสามารถในการเลือก และความปลอดภัยเพิ่มขึ้นในเชิงคุณภาพในอีกระดับ โดยใช้ประโยชน์จากโมเลกุลที่มีความซับซ้อนกว่า เช่น โปรตีน กรดนิวคลีอิก กรดไขมัน ไวรัส และเซลล์ต่างๆ. การผสมผสานคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ต่างๆ นี้ช่วยให้ยาประเภทนี้สามารถทำการรักษาอาการร้ายแรงอย่างเช่นมะเร็ง ข้อต่ออักเสบ และลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น. ด้วยการรักษาโรคอย่างเบาหวานและโรคอัลไซเมอร์ที่กำลังอยู่ในช่วงทดสอบทางคลินิกในปัจจุบัน เทคโนโลยีชีวเภสัชศาสตร์ก็เพิ่งกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงความคาดหวังใหม่ทั้งหมดในเรื่องคุณภาพชีวิตของสังคมในวงกว้าง, อันที่จริงแล้ว วัคซีน COVID-19 ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบันก็เป็นผลพวงมาจากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่. แนวทางนี้ช่วยให้การพัฒนาวัคซีนทำได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน.
คำถาม: ยาชีวภาพผลิตขึ้นอย่างไร? กระบวนผลิตแตกต่างจากการผลิตยาประเภทอื่นๆ อย่างไร?
-
Voloshin: ก่อนอื่นเลย ยาชีวภาพให้ด้วยการฉีด ดังนั้นจึงต้องบริสุทธิ์มาก เมื่อเราทานยาเม็ดหรือยาน้ำ ระบบย่อยอาหารจะช่วยขจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ แต่สำหรับยาที่ฉีดเข้ากระแสเลือดโดยตรง การป้องกันตรงจุดนั้นก็จะไม่มี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยาสังเคราะห์หรือยาชีวภาพที่ต้องให้ด้วยการฉีด ยาจำเป็นต้องมีความบริสุทธิ์สูงมาก
นอกจากนี้ ยาชีวภาพยังค่อนข้างมีความบอบบางเมื่อเทียบกับสารสังเคราะห์ ประสิทธิภาพอาจด้อยลงหรือเสื่อมลงได้หากคุณทำอะไรกับยา คุณไม่สามารถทำให้ร้อนได้ ให้ยาโดยมีค่า pH สูง หรือทำให้ยาถูกแรงเค้น ดังนั้นกระบวนการทำให้ยาบริสุทธิ์โดยไม่ทำให้ยาเสียหายจึงมีความซับซ้อน ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีกระบวนการผลิตที่เฉพาะเจาะจง แม้ว่าจะมีกลยุทธิ์ในการผลิตที่คล้ายกัน แต่การผลิตก็ไม่เหมือนกันเลย
คำถาม: เทคโนโลยีและโซลูชันของ 3เอ็ม มีส่วนช่วยกระบวนการผลิตยาชีวภาพอย่างไร? โปรดยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ 3เอ็ม ที่มีส่วนช่วยได้มาก
-
3M™ Harvest RC ใช้เส้นใยมีประจุเพื่อช่วยให้โปรตีนผ่านไปได้และสารปนเปื้อนติดVoloshin: 3เอ็ม มีแนวทางสองแบบ: ประการแรกคือการพัฒนากระบวนการผลิตที่มีอยู่ ประการที่สองคือคิดค้นนวัตกรรมในกระบวนการใหม่ๆ เพื่อผลักดันการพัฒนาและการผลิตยาชีวภาพ
บริษัทยาหลายแห่งอาจมีผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตยาชีวภาพอยู่แล้ว และต่างมองหาวิธีขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็ว การกรองด้วยความลึกและเมมเบรนของ 3เอ็ม สามารถช่วยบริษัทเหล่านี้ได้มีความต้องการสำหรับกระบวนการผลิตที่มีอยู่เดิมมีเพิ่มสูงขึ้นด้วยการใช้วิธีการแยกแบบดั้งเดิม ชีวเภสัชศาสตร์จะแพร่หลายได้ก็ต่อเมื่อสามารถอาศัยห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่มีความซับซ้อนและวางแผนมาเป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชศาสตร์ประเภทใหม่ๆ ต้องการกระบวนการผลิตแบบใหม่ ซึ่ง 3เอ็ม ก็สามารถช่วยได้ด้วยโซลูชันการผลิตที่สร้างสรรค์ การแยกสิ่งเจือปนออกจากยาส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องวัสดุศาสตร์ 3เอ็ม สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีขั้นสูงของเราและพัฒนาโซลูชันใหม่ที่ปฏิวัติวงการได้ เราทำให้การแยกส่วนมีประสิทธิภาพสูงและช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้น เราใช้วัสดุแบบนอนวูฟเวนเพื่อแยกวัสดุที่ละลายได้และละลายไม่ได้พร้อมกัน และทำได้ดีกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม วัสดุแบบนอนวูฟเวนช่วยให้เราสามารถผสมผสานกระบวนการหลายๆ ส่วนเข้าเป็นกระบวนการเดียวในขณะที่ให้ความบริสุทธิ์และผลผลิตสูงขึ้น ว่าง่ายๆ คือคุณผลิตได้มากขึ้น
"ด้วยเทคโนโลยีของเรา เราสามารถช่วยสร้างความแตกต่างได้จากยาที่เป็นเรื่องอัศจรรย์ในงานวิจัยเท่านั้น ไปเป็นความสามารถในการผลิตยาที่ช่วยให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ดีขึ้นทั่วโลก"
- Alexei Voloshinคำถาม: คุณและทีมงานร่วมงานกับลูกค้าบริษัทยาของเราอย่างไร? การทำงานรู้สึกมีคุณค่าอย่างไร?
-
Voloshin: ลูกค้าในกลุ่มเภสัชภัณฑ์มีมุมมองในระยะยาว เมื่อลูกค้าพร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะมองหาเทคโนโลยีที่มีอยู่ ลูกค้าจะร่วมงานกับซัพพลายเออร์อย่าง 3เอ็ม ตั้งแต่เนิ่นๆ เราทำงานร่วมกับลูกค้าตลอดทั้งอายุของผลิตภัณฑ์ โดยตลอดทั้งกระบวนการ เราจะร่วมงานอย่างใกล้ชิดโดยเริ่มจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราเข้าใจเป้าหมายและความคาดหวังทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ทั้งใกล้และไกล เราเสาะหาวิธีการพัฒนาการใช้งานใหม่ๆ สำหรับความต้องการใหม่และความต้องการที่มีอยู่เดิมอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่มีค่ายิ่งเกี่ยวกับการทำงานนี้ คือการได้ทราบว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันกำลังเปลี่ยนทัศนคติของคนที่มีต่อคุณภาพชีวิต และยิ่งเราสามารถเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้เร็วเท่าใด ผลิตภัณฑ์ก็จะสามารถช่วยผู้คนได้เร็วเท่านั้น เรากำลังช่วยให้สังคมก้าวเข้าสู่การรักษาอย่างเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การรักษาเข้าถึงผู้คนได้อย่างเป็นวงกว้างทั่วโลก การที่สามารถได้ใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของ 3เอ็ม ช่วยให้เราสามารถตอบรับกับเรื่องใหม่ๆ และนำคุณค่ามาสู่สังคมได้ ด้วยเทคโนโลยีของเรา เราสามารถช่วยสร้างความแตกต่างได้จากยาที่เป็นเรื่องอัศจรรย์ในงานวิจัยเท่านั้น ไปเป็นความสามารถในการผลิตยาที่ช่วยให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ดีขึ้นทั่วโลก จากที่มินนิโซตาไปจนถึงนิวเดลี
-
